ในสมัย 90S หนึ่งในต้นแบบเกมที่นิยมสร้างเป็นแนว 2.5D หรือทางที่นำเกมเพลย์แบบ 2 มิติมุมมองข้างๆ มาใส่ด้านในฉากที่แบบ 3 มิติ 

เพราะเหตุว่าทำให้มันมองไม่เชย รีวิวเกมส์มาใหม่ และก็ยังเล่นได้ง่ายแถมยังสร้างได้ง่ายและไม่สลับซับซ้อนเท่าเกม 3D แท้ๆทำให้มีการสร้างออกมาตลอดรวมทั้งหนึ่งในซีรีส์ที่เอาแบบอย่างการเล่น 2.5D มาสร้างตำนานในสมัย 90S เป็นซีรีส์ Klonoa ที่ออกจำหน่ายทีแรกบน PS1 ในปี 1997 ในภาค Klonoa: Door to Phantomile รวมทั้งมีภาคต่อออกมาในชื่อ Klonoa 2: Lunatea’s Veil ที่ขายในปี 2001 บน PS2 ซึ่งมันเคยกลับมารวมได้รับความนิยมขายใหม่แบบรีเมกแล้วบน Wii ในปี 2008 ทำให้การมาของภาค Klonoa Phantasy Reverie Series ในส่วนของภาคแรกจะเป็นการเอาเวอร์ชัน Wii มาปรับภาพเป็น HD มิได้เอาเวอร์ชัน PS1 มา โดยเกมจะออกบน Nintendo Switch, PlayStation 4, PlayStation 5, Xbox One, Xbox Series แล้วก็บน PC ด้วยส่วนเรื่องราวใน Klonoa Phantasy Reverie Series จะแยกออกเป็นภาคมิได้ยำรวมกัน โดยผู้เล่นสามารถเลือกเล่นได้ตั้งแต่ต้นว่าต้องการเล่นภาคไหนก่อนกัน ที่ในภาค Klonoa: Door to Phantomile เกิดขึ้นในโลก Phantomile ที่ผู้แสดงนำอย่าง Klonoa จำต้องออกปกป้องรักษาโลกไม่ให้ถูกกลายเป็นดินแดนที่ฝันร้าย ส่วนภาค Klonoa 2: Lunatea’s Veil จะกำเนิดในดินแดนที่ความฝัน Lunatea มี 4 อาณาจักรที่ต่างกัน

กราฟิกอัปเกรดเป็น HD แม้กระนั้นปกติไปหน่อยการรีเมกครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนที่น้อยกลับได้ผลดี 

เนื่องจากมีการนำภาคแรกเวอร์ชันสร้างกราฟิกใหม่บน Wii ไปอัปเกรดให้เป็น HD ส่วนภาค 2 ก็มีการเปลี่ยนแปลงเป็น HD รวมถึงนักแสดงก็มีการผลิตขึ้นมาใหม่ และก็แสงสีในเกมก็ถูกปรับให้ดูดีขึ้นด้วย จัดว่าเอามาเล่นในยุคนี้ก็ไม่เชยกระทั่งเกินความจำเป็น แฟนต้นฉบับจะต้องถูกใจเพราะว่ามันเป็นของเดิมที่รู้จักดี ส่วนแฟนแบบใหม่ก็เล่นได้แบบไม่เสียสายตาแน่ส่วนงานดีไซน์ก็สวยเสมือนการ์ตูนเด็กที่ปราศจากความร้ายแรงอะไร ที่มีการเล่าผ่านนักแสดงหลักที่เริ่มเดินทางไปกู้โลกกับเพื่อนพ้องๆแล้วก็ที่เป็นข้อดีมากมายเป็นระบบเสียงประกอบที่สิ่งแรกเพลงประกอบก็ทำเป็นสวยตามมาตรฐานเกมตะลุยด่านทั่วๆไป แต่ว่าที่มาแปลกเป็นเสียงบรรยายที่แม้ว่าจะมีตลอดเกมแม้กระนั้นก็เป็นภาษาที่ฟังไม่รู้เรื่องด้วยเหตุว่าเป็นภาษาที่อยู่ในโลกแฟนตาซีในเกมไม่ใช่ภาษามนุษย์ที่มีอยู่จริง ทำให้ตลอดการเล่นพวกเราจะต้องอ่านดูดซึมไปตลอดถึงจะเข้าดวงใจแบบอย่างการเล่นดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเกมเพลย์อย่างที่รู้กันว่ามันเป็นการผสมโลก 2 มิติกับภาพแบบ 3 มิติจนได้นิยามว่า 2.5D ที่การเล่นนั้นง่ายดาย เนื่องจากว่าพวกเราจะบังคับผู้แสดงเดินได้ซ้าย ทางขวาตอนบนและก็ข้างล่างเช่นเดียวกับเกม 2 มิติทั่วๆไป รวมทั้งพวกเราจะต้องบังคับตัว Klonoa ให้จู่โจมศัตรูโดยใช้วงแหวนขว้างใส่แล้วดึงเอาศัตรูมาใช้งานได้ดังเช่นการขว้างใส่ศัตรูร่วมกัน หรือใช้เพื่อช่วยทำให้พวกเรากีฬากระโดดสูงขึ้นได้ ที่เป็นต้นแบบสำคัญๆของเกมที่พวกเราจำต้องทำความเข้าใจเนื่องจากว่าจะใช้ทั้งยัง 2 ภาคความสะดุดตาที่จะต้องดูคณะทำงานเป็นการผลิตด่านที่ออกมารองรับเจริญ ถึงแม้เกมจะมีลักษณะเป็นเส้นตรงแล้วก็แบ่งได้เป็นด่านคล้ายกับ Super Mario แม้กระนั้นทุกๆสิ่งทุกๆอย่างดูดีมีความสลับซับซ้อนพอสมควร มีทางแยกให้เก็บของที่หลบอยู่ มีเรื่องราวให้ทำที่จำต้องเดินกลับไปเล่นฉากเก่าด้วย รวมทั้งยังมีเกมเพลย์ที่พวกเราจำต้องขี่ยานพาหนะอาทิเช่นสเกตบอร์ดที่จุดนี้ฉากจะบังคับเสมือนเกม 3 มิติเข้าไปให้เล่น ถ้าหากเห็นว่ามันเป็นเกมที่วางจำหน่ายมาเป็น 10 ปีแล้วนับว่ายังไม่เชย